ร้อยไหมเก็บเหนียงเป็นหัตถการเสริมความงามที่ช่วยยกกระชับผิวใต้คางและลำคอ ลดเหนียง และปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด
เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่มีเหนียงหรือไขมันใต้คาง แต่ยังไม่มากจนถึงขั้นต้องศัลยกรรม
- ผู้ที่ผิวเริ่มหย่อนคล้อย แต่ยังไม่มากจนต้องดึงหน้า
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และไม่ต้องพักฟื้นนาน
- คนที่เคยฉีดสลายไขมัน แล้วผิวยังไม่กระชับเท่าที่ต้องการ
ข้อดีของการร้อยไหมเก็บเหนียง
✅ ช่วยยกกระชับผิวใต้คาง ทำให้กรอบหน้าดูชัดขึ้น
✅ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแน่นขึ้นในระยะยาว
✅ เห็นผลเร็ว โดยเฉพาะในช่วง 2-3 เดือนแรก
✅ ไม่ต้องผ่าตัด แผลเล็กและไม่ต้องพักฟื้นนาน
✅ ใช้ร่วมกับหัตถการอื่นได้ เช่น HIFU หรือกลุ่ม monopolar RF เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
ข้อควรระวัง: อาจมีอาการบวม ช้ำ หรือระบมเล็กน้อยในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก และควรเลือกทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อความปลอดภัย
หากคุณสนใจอยู่ อาจต้องพิจารณาว่าสภาพผิวและปัญหาของคุณเหมาะกับการร้อยไหมหรือไม่ หรือควรใช้เทคนิคอื่นร่วมด้วย สนใจปรึกษาแพทย์ได้ที่อะกาลิโก คลินิกทุกสาขา
ร้อยไหมเก็บเหนียง ดีกว่า ฉีดเมโสแฟต ยังไงบ้าง?
การร้อยไหมเก็บเหนียงและการฉีดเมโสแฟตเป็นสองวิธีที่ใช้ลดเหนียงและกระชับผิวบริเวณคางและลำคอ แต่มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน
ข้อดีของร้อยไหมเก็บเหนียงเหนือกว่าการฉีดเมโสแฟต
- กระชับผิวได้ทันทีและเห็นผลชัดเจนกว่า
- ร้อยไหมช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยได้ทันทีหลังทำ และจะเห็นผลชัดเจนขึ้นใน 1-2 เดือน เนื่องจากไหมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- เมโสแฟตช่วยลดไขมันเฉพาะจุด แต่ไม่ได้ช่วยยกกระชับผิวโดยตรง
- แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้ดีกว่า
- ถ้าปัญหาหลักคือความหย่อนคล้อย ร้อยไหมเหมาะสมกว่า เพราะช่วยดึงผิวให้กระชับขึ้น
- เมโสแฟตอาจทำให้ผิวดูแฟบลง แต่ไม่ได้ช่วยยกกระชับ
- อยู่ได้นานกว่า
- ร้อยไหมอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของไหมและการดูแลตัวเอง
- เมโสแฟตอาจต้องฉีดซ้ำหลายครั้ง และผลลัพธ์มักไม่ถาวร
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- เส้นไหมช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวดูเฟิร์มขึ้นแม้หลังจากไหมละลายไปแล้ว
- เมโสแฟตไม่มีผลต่อการสร้างคอลลาเจน
สรุป
- การร้อยไหมเก็บเหนียงช่วยได้ทั้งลดไขมันสะสม และทำให้ผิวหนังกระชับ จึงดีกว่าในระยะยาว และให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า
Recent Comments