อยากได้ปากสายฝอสุดเซ็กซี่ ฉีด ฟิลเลอร์ปาก แบบไหนดี
ฟิลเลอร์ปากสายฝอ ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย เพราะเป็นหัตถการที่ทำได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว เพียงแค่ฉีดฟิลเลอร์เข้าไปก็ได้ริมฝีปากอวบอิ่มสวยดั่งใจมาครอบครอง
ถ้าเราอยากให้ริมฝีปากอวบอิ่มได้รูป มุมปากยกขึ้นรับกับองศารอยยิ้ม เป็นทรงสวยอย่างที่ต้องการ หนึ่งในวิธียอดนิยมของคนยุคนี้ คือ การฉีดฟิลเลอร์ปากนั่นเอง เพราะการฉีดฟิลเลอร์ช่วยปรับรูปหน้า และแก้ปัญหาทุกชั้นผิวของเราได้อย่างตรงจุด ทั้งยังช่วยเสริมโหงวเฮ้งให้กับเราได้อีกด้วย วันนี้ Agaligo Clinic จึงอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักการฉีดฟิลเลอร์ปากสายฝอที่กำลังฮิตกันอยู่ในปัจจุบันว่าคืออะไร ทรงปากแบบไหนจึงจะฉีดได้ และหลังฉีดควรปฏิบัติตัวอย่างไร
การฉีดฟิลเลอร์ปากสายฝอ คืออะไร
การฉีดฟิลเลอร์ปากสายฝอ เป็นการฉีดสารเติมเต็มไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) เข้าไปที่ริมฝีปาก เพื่อให้ริมฝีปากของเราอวบอิ่ม นุ่มฟู มีวอลลุ่ม และเป็นรูปทรงมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังปรับรูปให้ดูขอบปากคมชัด มีมิติ ตามลักษณะริมฝีปากที่เป็นที่นิยมในกลุ่มชาวตะวันตก หรือที่เรียกว่า สายฝอ โดยจะให้ริมฝีปากหนา ดูเต็ม อิ่ม มีความเป็นกระจับและเซ็กซี่กว่าแบบอื่นๆ ทั้งยังช่วยแก้ปัญหาริมฝีปากบาง ปากแบน ปากคว่ำ รวมไปถึงริมฝีปากไม่เท่ากันได้อีกด้วย ลองไปดูข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์กันเลย
- ปรับรูปทรงริมฝีปาก: สามารถปรับให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม มีมิติ ได้รูปทรงตามต้องการ เช่น ยกมุมปากให้ดูยิ้มขึ้น เติมเต็มริมฝีปากบนและล่างให้สมดุล หรือปรับให้เป็นทรงกระจับที่ชัดเจนขึ้น
- เพิ่มความชุ่มชื้น: ฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ ทำให้ริมฝีปากดูชุ่มชื้น อวบอิ่ม ไม่แห้งกร้าน ลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ บริเวณริมฝีปากได้
- เติมเต็มร่องลึก: สามารถเติมเต็มร่องลึกบริเวณเหนือริมฝีปาก (nasolabial folds) หรือร่องใต้ริมฝีปาก (marionette lines) ให้ดูตื้นขึ้นได้
- เห็นผลลัพธ์ทันที: หลังฉีดจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของรูปทรงริมฝีปากได้ทันที
- พักฟื้นน้อย: การฉีดฟิลเลอร์เป็นการหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด ใช้เวลาไม่นาน และมีระยะพักฟื้นสั้น
- ปรับเปลี่ยนได้: ฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid เป็นสารเติมเต็มชั่วคราว สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ และหากไม่พอใจกับผลลัพธ์ก็สามารถฉีดสลายได้ด้วยเอนไซม์ Hyaluronidase
- เพิ่มความมั่นใจ: ริมฝีปากที่สวยงามและได้รูปทรงสามารถช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในตนเองได้
ทรงปากสายฝอ เป็นแบบไหนกันนะ
ทรงปากสายฝอ เป็นทรงปากที่มีความอวบอิ่ม ดูหนาโดดเด่น มีวอลลุ่ม เป็นทรงชัด และเห็นขอบปากชัดเจน โดยสามารถแบ่งประเภทย่อย ๆ ออกเป็น 3 รูปแบบ ดังนี้
- Full Lips เป็นทรงปากที่ริมฝีปากบน และล่างมีความอวบอิ่มเท่า ๆ กันในอัตราส่วน 1-1 ทำให้ปากดูอิ่มสวยเซ็กซี่ เหมาะกับคนที่มีโครงหน้าชัด และอยากให้ริมฝีปากชัดรับกัน
- Wide Lips เป็นทรงปากที่ริมฝีปากบนกับล่างหนาเท่ากัน แต่ไม่เท่าแบบ Full Lips และมีมุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ทำให้พื้นที่ปากโดยรวมดูกว้าง และหนากว่าเดิม เหมาะสำหรับผู้ที่มีริมฝีปากเล็ก แคบ และขาดมิติ
- Heavy Lower Lips เป็นทรงที่ริมฝีปากล่างมีขนาดใหญ่ และอวบอิ่มกว่าริมฝีปากบน เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเสริมภาพลักษณ์ให้ดูโต และเซ็กซี่ขึ้น
ใครที่สามารถฉีดฟิลเลอร์ปากได้บ้าง
- ผู้ที่มีริมฝีปากบาง เนื้อปากน้อย และอยากเสริมให้ดูอวบอิ่มขึ้น
- ผู้ที่อยากมีทรงปากอวบอิ่ม รูปทรงชัดเจน เห็นขอบปากชัด
- ผู้ที่ต้องการปรับทรงปากตามสมัยนิยม
- ผู้ที่อยากแก้ปัญหาริมฝีปากไม่เท่ากันโดยไม่ต้องผ่าตัด หรือพักฟื้นนาน
- ผู้ที่มุมปากตก มีริมฝีปากคว่ำ
- ผู้ที่มีริมฝีปากแห้ง แตก ไม่เรียบเนียน
- ผู้ที่มีร่องริ้วรอยบนริมฝีปากชัดเจน
ฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการฉีดปาก มียี่ห้อไหนบ้าง
เนื่องจากยุคนี้มีฟิลเลอร์เฉพาะจุดเกิดขึ้นมาให้เราเลือกมากมาย ประสิทธิภาพของฟิลเลอร์แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อจึงมีสูงขึ้นตามไปด้วย สำหรับคนที่อยากรู้ว่าฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการฉีดทรงปากสายฝอเพื่อให้ดูอวบอิ่ม มีความยืดหยุ่น ไม่จับตัวเป็นก้อน และดูเป็นธรรมชาติ มียี่ห้อไหน รุ่นอะไรบ้าง Agaligo Clinic รวบรวมมาไว้ให้ดังนี้
- ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane ฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้ มีรุ่นที่เหมาะสำหรับฉีดปากอยู่ 3 รุ่น คือ
- Kysse ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อฉีดริมฝีปากโดยเฉพาะ มีเนื้อละเอียดแต่คงตัวสูง ปั้นขึ้นรูปได้ดี หลังฉีดอยู่ได้นานประมาณ 8-10 เดือน
- Classic ที่เป็นเจลเนื้อนิ่ม ให้ความเป็นธรรมชาติสูง หลังฉีดอยู่ได้นานประมาณ 10-12 เดือน
- Vital light เป็นรุ่นที่มีเนื้อละเอียด ให้ความชุ่มชื้นสูง ทั้งยังมีส่วนผสมของยาชา ฉีดปากไปแล้วจะให้วอลลุ่มดี เรียบเนียน ไม่จับเป็นก้อน หลังฉีดอยู่ได้นานประมาณ 6-8 เดือน
- ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm มีรุ่นที่เหมาะสำหรับฉีดปากทั้งหมด 4 รุ่น คือ
- Vobella เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เน้นให้ความชุ่มชื้น เหมาะกับคนที่อยากเติมเต็มริมฝีปากให้อิ่มฟู ดูเป็นธรรมชาติ หลังฉีดอยู่ได้นานประมาณ 8-12 เดือน
- Volift รุ่นนี้มีเนื้อค่อนข้างนิ่ม และละเอียด เหมาะกับคนที่อยากได้ทรงปากสายฝอที่ไม่ใหญ่จนเกินไป ยังดูเป็นธรรมชาติอยู่ หลังฉีดอยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
- Voluma เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง ค่อนข้างแน่นแต่เนื้อฟูมาก เหมาะกับผู้ที่อยากให้ริมฝีปากอวบอิ่ม ไม่ต้องมาเติมบ่อย หลังฉีดอยู่ได้นาน 18 เดือน
- ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Belotero รุ่นที่เหมาะสำหรับฉีดปากมีอยู่ 1 รุ่น คือ
- Volume เป็นฟิลเลอร์เนื้อแน่น อยู่ทรง ปั้นขึ้นรูปได้ง่าย คงตัวสูง เหมาะสำหรับคนอยากได้ริมฝีปากสายฝอแบบที่ไม่ต้องเติมบ่อย หลังฉีดอยู่ได้ประมาณ 18 เดือน
- ฟิลเลอร์ยี่ห้อ e.p.t.q มีรุ่นที่เหมาะสำหรับฉีดปากทั้งหมด 3 รุ่น คือ
- S100 เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียดให้งานแบบเบาๆ
- S300 เป็นฟิลเลอร์เนื้อปานกลางให้งานทรงปากขึ้นรูปได้ง่าย
- S500 เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็งมาก ฟูมาก
วิธีดูแลตัวเองก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
ก่อนการฉีดปาก
- แจ้งประวัติสุขภาพ ยาที่แพ้ และโรคประจำตัว ให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด เพื่อให้แพทย์วางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม
- งดอาหารเสริม หรือวิตามินที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือดทุกชนิดก่อนการฉีดฟิลเลอร์ปากอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงยากลุ่ม NSAIDs เนื่องจากมีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ก่อนฉีด 3 วัน
- ระมัดระวังอย่าให้ริมฝีปากเป็นแผล
- หากสักสีปากมา ควรเว้นระยะประมาณ 1-2 เดือน
หลังฉีดปากแล้ว
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสริมฝีปากเป็นเวลา 24 ชั่วโมง
- ไม่ควรกดริมฝีปาก หรือเช็ดปากแรง ๆ หลังทำ 24 ชั่วโมง
- ทาลิปบาล์ม หรือลิปสติกได้ หลังฉีดไปแล้ว 24 ชั่วโมง
- ไม่แนะนำให้ประคบทุกกรณี
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ 1 สัปดาห์
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ 1 สัปดาห์หลังฉีด
- หลังฉีดปากไม่ควรไปสักปากทันที เพราะอาจทำให้แผลติดเชื้อ ฟิลเลอร์เสียทรง และมีอาการบวมรุนแรงได้ ควรเว้นระยะ 3 เดือน หรือปรึกษาแพทย์ก่อนไปสักปาก
คำถามที่พบบ่อย
1. ฉีดฟิลเลอร์ปากสายฝอ ส่วนใหญ่ใช้กี่ซีซี
ตอบ โดยส่วนใหญ่จะใช้ประมาณ 1-2 ซีซี แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของริมฝีปากเดิมด้วย แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ เพื่อให้แพทย์แจ้งจำนวนซีซีที่ชัดเจนจะปลอดภัยกว่า
2.ฟิลเลอร์ปากสายฝอ อยู่ได้นานไหม
ตอบ ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย อาทิ ยี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ที่ใช้ วิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ และปริมาณที่ฉีดเข้าไป เป็นต้น
3. ถ้าฉีดฟิลเลอร์ปากไปแล้วเป็นก้อน อันตรายไหม
ตอบ อาการบวมแดง เป็นก้อนหลังฉีด เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ถ้าอาการเหล่านั้นค่อย ๆ ทุเลาลง ก้อนนั้นค่อย ๆ ดีขึ้น เป็นอาการปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ถ้าเป็นก้อนแข็ง รู้สึกเจ็บ ปวด มีอาการอักเสบร่วมด้วย แนะนำให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วน เพราะอาจเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม หรือแพทย์ผู้ฉีดขาดความชำนาญ
4.ฉีดฟิลเลอร์ปากเจ็บไหม?
ความรู้สึกเจ็บจากการฉีดฟิลเลอร์ปากนั้น แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น
- ความทนทานต่อความเจ็บปวดส่วนบุคคล: บางคนอาจรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อย ในขณะที่บางคนอาจรู้สึกเจ็บปานกลาง
- เทคนิคการฉีดของแพทย์: แพทย์ที่มีความชำนาญและเทคนิคที่ดีจะสามารถฉีดได้อย่างนุ่มนวล ลดความเจ็บปวดได้
- ชนิดของเข็มที่ใช้: การใช้เข็มขนาดเล็กมาก (Ultra-fine needle) หรือเข็มปลายทู่ (Cannula) สามารถช่วยลดความเจ็บปวดและอาการบวมช้ำได้
- บริเวณที่ฉีด: บางบริเวณของริมฝีปากอาจมีความรู้สึกไวต่อความเจ็บปวดมากกว่าบริเวณอื่น
5.ฟิลเลอร์ปากราคาเท่าไร?
ราคาของฟิลเลอร์ปากนั้น มีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ดังนี้:
- ยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์: ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ (เช่น Restylane, Juvederm, Belotero) และแต่ละรุ่นจะมีคุณสมบัติ เนื้อสัมผัส ความคงทน และราคาที่แตกต่างกันไป โดยทั่วไป ฟิลเลอร์จากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกจะมีราคาสูงกว่า
- ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ (CC): โดยทั่วไปการฉีดฟิลเลอร์ปากจะใช้ปริมาณไม่มาก ประมาณ 1 CC แต่ในบางกรณีที่ต้องการปรับรูปทรงมาก หรือเติมเต็มทั้งริมฝีปากบนและล่าง อาจต้องใช้มากกว่า 1 CC ซึ่งจะส่งผลต่อราคา
ราคาโดยประมาณ:
- ราคาเริ่มต้นอาจอยู่ที่ประมาณ 7,000 – 10,000 บาทต่อ 1 CC สำหรับฟิลเลอร์บางยี่ห้อและรุ่น
- สำหรับฟิลเลอร์ยี่ห้อและรุ่นที่เป็นที่นิยมและมีคุณภาพดี ราคาอาจอยู่ในช่วง 12,000 – 18,000 บาทต่อ 1 CC หรือสูงกว่านั้น
Recent Comments