ฉีดฟิลเลอร์มีข้อดี แต่ต้องทำความเข้าใจก่อน !
เมื่ออายุมากขึ้น ใบหน้าของเราก็มักจะเริ่มสูญเสียความอวบอิ่มและความเปล่งปลั่งตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นคอลลาเจนหรืออีลาสตินที่ลดลง ทำให้เกิดริ้วรอย ร่องลึก หรือโครงหน้าที่ดูไม่สมส่วน จนใบหน้าดูมีอายุมากกว่าวัยและขาดความสดใส การมองหาวิธีฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมาดูอ่อนเยาว์จึงเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสนใจ และหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบันก็คือ การฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยเติมเต็มและปรับโครงหน้าให้ดูสมดุล สวยงาม และเป็นธรรมชาติ
แต่ก่อนที่จะตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ การศึกษาข้อมูลอย่างถ่องแท้เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้คุณมั่นใจในความปลอดภัย ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจ และหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้
เช็กลิสต์: คุณเหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ไหมนะ ?
การฉีดฟิลเลอร์เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวหน้าหลายรูปแบบ ลองมาดูกันว่าสภาพหน้าแบบไหนที่จะเหมาะกับหัตถการนี้บ้าง
- ริ้วรอยร่องลึก: เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หรือรอยย่นบนหน้าผากที่ไม่ใช่ริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์แบบที่ต้องฉีดโบท็อกซ์ รอยเหล่านี้ถ้าฉีดโบท็อกซ์อาจจะทำให้หน้าตึงเกินไป แค่ฟิลเลอร์ก็เพียงพอแล้วค่ะ
- ใบหน้าตอบ/ยุบตัว: ไม่ว่าจะเป็นแก้มตอบ ขมับยุบ หรือใต้ตาลึกโบ๋ ที่ทำให้ใบหน้าดูโทรมและมีอายุ การฉีดฟิลเลอร์แก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ดีมาก ๆ ทำให้หน้าเด็กขึ้น สดใสขึ้นแน่นอน
- ปรับรูปหน้า/เพิ่มวอลลุ่ม: หากคุณอยากปรับรูปคางให้เรียวสวย เติมริมฝีปากให้อวบอิ่ม หรือสร้างแก้มส้มให้ใบหน้าดูเด็กและมีมิติฉีดฟิลเลอร์ตอบโจทย์แน่นอน แต่ก็ต้องระวังจะ overfilled เพราะการฉีดเพิ่มให้ใบหน้าอาจสร้างปัญหานี้ได้
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ: ไม่ต้องการผ่าตัดศัลยกรรม และอยากเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนในเวลาอันรวดเร็ว ฟิลเลอร์ไม่ได้อยู่ตลอดไป แต่จะสามารถฉีดได้เรื่อย ๆ และรวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน
ฟิลเลอร์มีกี่ประเภท แบรนด์ไหนดีที่สุด ?
ฟิลเลอร์ไม่ได้มีแค่ประเภทเดียวนะคะ ปัจจุบันฟิลเลอร์มีให้เลือก 3 ประเภทด้วยกัน คือแบบชั่วคราว กึ่งถาวร และสุดท้ายคือแบบถาวร แต่ละตัวก็มีทั้งจุดเด่นจุดด้อยที่ตอบโจทย์แต่ละคนแตกต่างกัน และก็มีหลากหลายแบรนด์มากขึ้น เดี๋ยววันนี้ Agaligo จะพามาทำความรู้จักกันค่ะ
1. ฟิลเลอร์ชั่วคราว (Temporary Filler)
ฟิลเลอร์ชั่วคราว คือฟิลเลอร์ที่ร่างกายสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ทำให้มีความปลอดภัยสูงและเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ฟิลเลอร์ประเภทเดียวที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในประเทศไทย คือฟิลเลอร์ชนิด Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกายของเรา
ฟิลเลอร์ HA สามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ รุ่นของฟิลเลอร์ และบริเวณที่ฉีด เมื่อฟิลเลอร์สลายตัวไปตามธรรมชาติ ก็สามารถเติมใหม่ได้เรื่อย ๆ โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาตกค้างในระยะยาว
2. ฟิลเลอร์กึ่งถาวร (Semi-Permanent Filler)
ฟิลเลอร์กึ่งถาวร เป็นฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถสลายได้หมด 100% และมีความปลอดภัยน้อยกว่าฟิลเลอร์แบบชั่วคราว สามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า โดยประมาณ 2-5 ปี ตัวอย่างของสารในกลุ่มนี้ ได้แก่ สารแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Calcium Hydroxyapatite), สาร PLLA (Poly-L-lactic acid) และสาร Polyalkylimide
แม้ฟิลเลอร์กลุ่มนี้จะมีใช้ในบางประเทศ แต่ ยังไม่ได้รับการรับรองจาก อย. ในประเทศไทย เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงในระยะยาวได้ เช่น ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อน หรือเกิดการอักเสบตามมา ซึ่งเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยากกว่าฟิลเลอร์แบบชั่วคราวมาก
3. ฟิลเลอร์ถาวร (Permanent Filler)
ฟิลเลอร์ถาวร คือสารเติมเต็มที่ไม่สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ และจะคงอยู่ในชั้นผิวอย่างถาวร ฟิลเลอร์ประเภทนี้ไม่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในประเทศไทย และไม่ควรนำมาใช้ในการฉีดเพื่อความงามโดยเด็ดขาด
ตัวอย่างของสารในกลุ่มฟิลเลอร์ถาวร ได้แก่ ซิลิโคนเหลว พาราฟิน และสารสังเคราะห์บางชนิด เช่น PMMA (Polymethyl-methacrylate microspheres) เมื่อฉีดสารเหล่านี้เข้าไปในร่างกาย ผิวจะไม่สามารถดูดซึมหรือกำจัดออกได้ ทำให้เกิดการตกค้างในระยะยาว ซึ่งนำไปสู่ปัญหาสุขภาพและความงามร้ายแรงตามมาได้

ฟิลเลอร์ที่ Agaligo Clinic เลือกใช้
จบที่ประเภทกัยแล้ว มาทำความรู้จักแต่ละแบรนด์กันค่ะ ในคลินิก Agaligo ตอนนี้มีด้วยกัน 3 ตัวหลัก ๆ คือ Juvederm, Rystylane, Yvoire
Juvederm คือฟิลเลอร์แบรนด์ดังสัญชาติอเมริกาที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลกมายาวนาน โดดเด่นในการช่วยปรับรูปหน้าและแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ ให้ใบหน้าของคุณดูสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
สิ่งที่ทำให้ Juvederm ได้รับความไว้วางใจคือคุณสมบัติที่สลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัยสูง นอกจากนี้ ยังผ่านการรับรองมาตรฐานจากทั้งองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศไทย (Thai FDA) โดยนำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการโดยบริษัท Allergan Thailand ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับที่ผลิต Botox Allergan ที่รู้จักกันดีในวงการความงาม โดยในคลินิกตอนนี้ก็จะมีหลายรุ่นด้วยกัน
- Juvederm Violift อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Volbella อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Voluma อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Juvederm Volux อยู่ได้นาน 18 – 24 เดือน
Restylane (เรสเทอเลน) คือฟิลเลอร์แบรนด์แรกของโลกจากประเทศสวีเดน ผลิตโดยบริษัท Galderma ที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการเสริมความงาม ด้วยความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
Restylane ได้รับการรับรองและขึ้นทะเบียนจากหลากหลายองค์กรกำกับดูแลทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA), สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของไทย (Thai FDA), องค์การอาหารและยาของเกาหลีใต้ รวมถึงได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์จากสหภาพยุโรป (EDQM) ทำให้คุณมั่นใจได้ในคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุด
หลัก ๆ ในคลินิคตอนนี้ก็จะมี
Restylane Vital Light อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
Restylane KYSSE อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
Restylane Lyft อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
Yvoire (อีโวร์) ฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลีที่ได้รับการรับรองจาก อย. ไทยเรียบร้อยแล้ว กำลังเป็นที่จับตามองในวงการเสริมความงาม ด้วยจุดเด่นสำคัญอยู่ที่ เทคโนโลยีการผลิต HICE Technology ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ ทำให้ได้ฟิลเลอร์คุณภาพสูง
Yvoire มีให้เลือกหลากหลายรุ่น เพื่อตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาความงามบนใบหน้าได้หลายตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นการเติมเต็มริ้วรอย หรือปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนที่สวยงามยิ่งขึ้น
Yvoire Contour อยู่ได้นาน 12 – 18 เดือน
Yvoire Classic Plus อยู่ได้นาน 6 – 9 เดือน
Yvoire Volume Plus อยู่ได้นาน 9 – 12 เดือน
ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารมีอยู่มากมาย การเลือกรับข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ เพราะการทำความเข้าใจในรายละเอียดของฟิลเลอร์แต่ละประเภท เทคนิคการฉีด รวมถึงข้อควรระวังต่างๆ จะเป็นเกราะป้องกันให้คุณห่างไกลจากความเสี่ยงและผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้
จะฉีดฟิลเลอร์ดี ๆ ทั้งที ต้องระวังและทำความเข้าใจอย่างถี่ถ้วนก่อนเสมอนะคะ แต่ถ้ายังเลือกไม่ได้คลินิก Agaligo พร้อมให้คำแนะนำเสมอ
Recent Comments