ร้อยไหมของปลอมดูยังไง? รวมวิธีเช็กคลินิกร้อยไหมที่ได้มาตรฐาน
การร้อยไหมเป็นหัตถการยอดนิยมที่ช่วยยกกระชับใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่การเลือกคลินิกและประเภทของไหมที่ไม่ถูกต้องอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์หรืออันตรายได้ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับชนิดของไหมและวิธีการตรวจสอบมาตรฐานของคลินิกจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
ร้อยไหมมีกี่ประเภท ?
ในปัจจุบัน เส้นไหมที่ใช้ในการร้อยไหมเพื่อความงามนั้นมีหลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติและผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไป เส้นไหมที่ได้รับความนิยมและได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) แบ่งออกเป็น 3 ชนิดหลัก ๆ ได้แก่
- ไหม PDO (Polydioxanone) เป็นไหมที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ผลิตจากวัสดุที่ใช้ในการเย็บแผลศัลยกรรม เป็นไหมชนิดละลายได้ที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ช่วยให้ผิวเต่งตึงและยกกระชับขึ้น
- ไหม PLLA (Polylactic acid) เป็นไหมที่ให้ผลลัพธ์ในการยกกระชับได้ยาวนานกว่าไหม PDO เพราะนอกจากจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนแล้ว ยังช่วยเพิ่มปริมาตรให้ผิวดูอิ่มฟูขึ้นด้วย
- ไหม PCL (Polycaprolactone) เป็นไหมที่ให้ผลลัพธ์ยาวนานที่สุดในกลุ่มไหมละลายได้ เพราะมีคุณสมบัติในการคงสภาพได้นานกว่าไหม PDO และ PLLA จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
นอกจากนี้ ยังมีไหมชนิดอื่น ๆ ที่เคยได้รับความนิยมหรือยังคงมีใช้อยู่บ้าง เช่น ไหมทองคำ (Gold Thread) และไหมพลาสติกพอลิโพรไพลีน (Polypropylene) แต่มีข้อจำกัดและข้อเสียหลายประการ จึงไม่ได้รับความนิยมเท่าไหมชนิดละลายได้ในปัจจุบัน
คำจำกัดความของ "ร้อยไหมปลอม" ในบริบททางการแพทย์และความงาม
วัสดุที่ไม่ละลายหรือไม่ผ่านการรับรองนี่แหละค่ะ ที่เราเรียกว่า ร้อยไหมปลอม เส้นไหมแท้ที่ใช้ในหัตถการร้อยไหมในคลินิกที่ได้มาตรฐานส่วนใหญ่จะเป็นไหมชนิดละลายได้ ซึ่งผลิตจากวัสดุทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองความปลอดภัยจากหน่วยงานกำกับดูแลอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทย และองค์กรระดับสากลอย่าง FDA ของสหรัฐอเมริกา วัสดุหลักที่ใช้ได้แก่ Polydioxanone (PDO), Polylactic acid (PLLA), และ Polycaprolactone (PCL) ซึ่งเป็นวัสดุที่ใช้ในการศัลยกรรมผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจและสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติโดยไม่มีสารตกค้างในร่างกาย
ในทางกลับกัน ไหมปลอมอาจหมายถึงไหมที่ไม่สามารถสลายได้ตามธรรมชาติ เช่น ไหมทองคำ (Gold Thread) ซึ่งเคยได้รับความนิยมแต่ปัจจุบันมีข้อจำกัดและข้อเสียหลายประการ เช่น การไม่สามารถทำเลเซอร์หรือ MRI ได้ รวมถึงอาจมีสารตกค้างในระยะยาว นอกจากนี้ ยังมีไหมประเภทอื่นๆ ที่อาจใช้ในทางการแพทย์แต่ไม่เหมาะสำหรับการร้อยใบหน้า เช่น ไหมพลาสติกประเภทพอลิโพรไพลีน (Polypropylene) ซึ่งอาจก่อให้เกิดการอักเสบและเส้นไหมหักได้ง่ายเมื่อเวลาผ่านไป

วิธีเช็กคลินิกร้อยไหมที่ได้มาตรฐาน เลี่ยงปัญหาเจอร้อยไหมปลอม !
การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานคือสิ่งสำคัญที่สุดในการหลีกเลี่ยงปัญหาจากการใช้ไหมปลอมหรือการทำหัตถการโดยผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย ควรพิจารณาจาก 5 ปัจจัยหลักดังนี้
1. แพทย์ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพและมีประสบการณ์
สิ่งแรกที่ควรตรวจสอบคือแพทย์ผู้ทำหัตถการต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพอย่างถูกต้อง สามารถขอดูได้จากคลินิกหรือตรวจสอบจากแพทยสภา นอกจากนี้ แพทย์ควรมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการร้อยไหมโดยเฉพาะ เพราะการร้อยไหมต้องอาศัยความชำนาญในการประเมินโครงสร้างใบหน้า เลือกชนิดและจำนวนเส้นไหมที่เหมาะสม รวมถึงเทคนิคการร้อยที่ถูกต้องเพื่อป้องกันการเกิดปัญหา เช่น หน้าเบี้ยว หรือเส้นไหมโผล่
2. คลินิกต้องได้รับอนุญาตและมีสภาพแวดล้อมที่สะอาดปลอดภัย
คลินิกที่ให้บริการจะต้องได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจากกระทรวงสาธารณสุข และมีป้ายชื่อคลินิกที่ชัดเจน ภายในคลินิกควรมีสภาพแวดล้อมที่สะอาด ปลอดภัย มีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัยและสะอาดถูกสุขลักษณะ ที่สำคัญ ควรมีการจัดเก็บเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
3. ใช้เส้นไหมที่ผ่านการรับรองจาก อย. เท่านั้น
คลินิกร้อยไหมที่ได้มาตรฐานจะใช้เส้นไหมที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เท่านั้น โดยผู้เข้ารับบริการสามารถขอดูกล่องผลิตภัณฑ์ของเส้นไหมได้ เพื่อตรวจสอบเลขทะเบียน อย. และวันหมดอายุ หากคลินิกร้อยไหมไม่สามารถแสดงหลักฐานนี้ได้ หรือใช้ไหมที่ไม่มีการบรรจุในซองหรือกล่องที่ได้มาตรฐาน ควรหลีกเลี่ยงการใช้บริการ เพราะมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นไหมปลอมหรือไหมที่ไม่ได้คุณภาพ
4. มีการให้คำปรึกษาและประเมินผลลัพธ์อย่างตรงไปตรงมา
แพทย์ที่ดีจะให้คำปรึกษาอย่างละเอียดและตรงไปตรงมา โดยจะมีการประเมินปัญหาใบหน้าของแต่ละบุคคล และแนะนำชนิดของไหมที่เหมาะสม รวมถึงจำนวนเส้นที่ควรใช้และผลลัพธ์ที่คาดหวังได้จริง ไม่ควรหลงเชื่อคำโฆษณาที่อวดอ้างเกินจริงว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่มหัศจรรย์ทันทีโดยไม่ต้องทำอะไรเลย แพทย์ควรมีการวางแผนการรักษาที่ชัดเจนและให้ข้อมูลอย่างครบถ้วนเกี่ยวกับขั้นตอนการทำ การดูแลตัวเองหลังทำ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
5. มีการติดตามผลหลังทำหัตถการ
คลินิกร้อยไหมที่ได้มาตรฐานจะมีการนัดหมายเพื่อติดตามผลหลังการร้อยไหม เพื่อดูพัฒนาการของผิวและตรวจสอบว่ามีปัญหาหรือภาวะแทรกซ้อนใด ๆ หรือไม่ หากมีปัญหาเกิดขึ้น แพทย์จะสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที การติดตามผลอย่างต่อเนื่องเป็นเครื่องยืนยันถึงความใส่ใจและความรับผิดชอบของคลินิกและแพทย์ผู้ทำหัตถการ
การร้อยไหมเป็นการลงทุนเพื่อความงามที่ควรให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอันดับแรก การใช้ความรู้ในการตรวจสอบ คลินิกร้อยไหม ที่ได้มาตรฐาน จะช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ดีและหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ไหมปลอมหรือการให้บริการจากคลินิกร้อยไหมที่ไม่ได้มาตรฐาน
คลินิกร้อยไหมที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน อย่าลืมพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ก่อนตัดสินใจ เพราะการลงทุนเพื่อความสวยงามควรมาพร้อมกับความปลอดภัยเป็นอันดับแรก การเลือกคลินิกที่ดีและใช้ไหมแท้ที่ได้รับการรับรอง ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่จะทำให้คุณมั่นใจในผลลัพธ์และความปลอดภัยในระยะยาวค่ะ
Recent Comments