ร้อยไหมกับโบท็อกซ์ ต่างกันอย่างไร ?
การร้อยไหมและโบท็อกซ์เป็นหัตถการเพื่อความงามที่ได้รับความนิยม แต่มีกลไกการทำงาน วัตถุประสงค์ และผลลัพธ์ที่แตกต่างกันดังนี้:
1. ร้อยไหม (Thread Lift)
- กลไกการทำงาน: เป็นการใช้เส้นไหมละลาย (มักมีเงี่ยง) สอดเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อดึงและยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้เต่งตึงขึ้น นอกจากนี้ ไหมยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินบริเวณรอบเส้นไหม ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและแน่นกระชับในระยะยาว
- วัตถุประสงค์หลัก:
- ยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย เช่น แก้มห้อย ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก
- ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น (V-Shape)
- ช่วยให้กรอบหน้าชัดขึ้น
- กระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียน ลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ และอาจช่วยเรื่องรูขุมขน
- ระยะเวลาเห็นผล: เห็นผลการยกกระชับได้ทันทีหลังทำ และจะเห็นผลชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อคอลลาเจนถูกสร้างเพิ่มขึ้น
- ระยะเวลาคงอยู่: ประมาณ 6 เดือนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของไหมและการดูแลตนเอง
2. โบท็อกซ์ (Botox)
- กลไกการทำงาน: เป็นสารโปรตีน Botulinum Toxin Type A ซึ่งออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการทำงานของเส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดคลายตัวหรือหดตัวน้อยลงชั่วคราว
- วัตถุประสงค์หลัก:
- ลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า: เช่น ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก หว่างคิ้ว ตีนกา (เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อ)
- ปรับรูปหน้าให้เรียว: โดยการฉีดลดขนาดกล้ามเนื้อกรามที่ใหญ่
- ลดขนาดน่อง: ลดขนาดกล้ามเนื้อน่อง
- ลดเหงื่อ/กลิ่นตัว: ยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อ
- ระยะเวลาเห็นผล:
- ริ้วรอย: เริ่มเห็นผลใน 3-4 วัน และชัดเจนใน 1-2 สัปดาห์
- ลดกราม: เริ่มเห็นผลประมาณ 1 สัปดาห์ และชัดเจนใน 2-4 สัปดาห์
- ระยะเวลาคงอยู่: ประมาณ 3-8 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ ปริมาณที่ฉีด และการดูแลตนเอง
ร้อยไหมกับโบท็อกซ์ แบบไหนจะหมาะกับใครมากกว่า?
การเลือกระหว่างร้อยไหมและโบท็อกซ์ขึ้นอยู่กับปัญหาและความต้องการเฉพาะบุคคลเป็นหลัก เนื่องจากทั้งสองหัตถการมีจุดประสงค์และกลไกการทำงานที่แตกต่างกัน
ร้อยไหม (Thread Lift) จะเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเหล่านี้:
- ผิวหน้าหย่อนคล้อย: โดยเฉพาะบริเวณแก้ม ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ที่เริ่มมีอาการหย่อนคล้อยไม่มากถึงปานกลาง
- ต้องการยกกระชับใบหน้า: ให้ผิวดูเต่งตึงขึ้น กรอบหน้าชัดขึ้น หรือปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้น (V-Shape) โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่
- ต้องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน: เพื่อให้ผิวดูอ่อนเยาว์และแน่นกระชับในระยะยาว
- ไม่ต้องการพักฟื้นนาน: เพราะการร้อยไหมเป็นการทำหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ และมีระยะเวลาพักฟื้นน้อยกว่า
- ต้องการผลลัพธ์ที่ค่อนข้างคงทน: (ประมาณ 6 เดือน – 2 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของไหม)
โบท็อกซ์ (Botox) จะเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเหล่านี้:
- ริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า: เช่น ริ้วรอยย่นบริเวณหน้าผาก, รอยขมวดคิ้วระหว่างคิ้ว (รอยย่นหัวคิ้ว), รอยตีนกา (ริ้วรอยรอบดวงตา) ซึ่งเกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อซ้ำๆ
- กรามใหญ่ / ใบหน้าเหลี่ยม: ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กลง โดยมีสาเหตุมาจากกล้ามเนื้อกรามที่ใหญ่
- มีปัญหากล้ามเนื้อน่องใหญ่: ต้องการลดขนาดน่อง
- มีปัญหาเหงื่อออกมากเกินไป: เช่น บริเวณรักแร้ มือ เท้า (โดยโบท็อกซ์จะช่วยยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อ)
- ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว: ริ้วรอยจะเริ่มจางลงภายในไม่กี่วันถึง 2 สัปดาห์ และการปรับรูปหน้าจะเห็นผลชัดเจนขึ้นภายใน 2-4 สัปดาห์
อยากหน้าเรียวจะเลือกหัตถการไหนดี ร้อยไหมหรือโบท็อกซ์
การเลือกใช้ร้อยไหมหรือโบท็อกซ์เพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นนั้น ขึ้นอยู่กับสาเหตุหลักที่ทำให้ใบหน้าดูไม่เรียว ค่ะ ทั้งสองหัตถการมีกลไกการทำงานที่ต่างกัน และแก้ไขปัญหาต่างกัน:
1. โบท็อกซ์ (Botox) เหมาะกับการปรับหน้าเรียวจากสาเหตุ:
- กล้ามเนื้อกรามใหญ่: นี่คือสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการที่ใบหน้าช่วงล่างดูใหญ่หรือเป็นเหลี่ยม โบท็อกซ์จะออกฤทธิ์โดยการคลายกล้ามเนื้อกราม (Masseter muscle) ทำให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง ใบหน้าจึงดูเรียวลง V-Shape มากขึ้น
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่กัดฟันบ่อยๆ, เคี้ยวอาหารแข็งบ่อยๆ, หรือผู้ที่ส่องกระจกแล้วพบว่าเวลาเคี้ยวฟัน กล้ามเนื้อตรงมุมกรามจะนูนขึ้นมาอย่างชัดเจน
2. ร้อยไหม (Thread Lift) เหมาะกับการปรับหน้าเรียวจากสาเหตุ:
-
- แก้มหย่อนคล้อย / กรอบหน้าไม่ชัดเจน: เมื่ออายุมากขึ้น ผิวจะเริ่มหย่อนคล้อย ทำให้แก้มห้อยลงมาบดบังกรอบหน้า ใบหน้าจึงดูไม่เรียวหรือดูอูมขึ้น การร้อยไหมจะช่วยยกกระชับผิวและไขมันที่หย่อนคล้อยให้ยกตัวขึ้น ทำให้แก้มดูเล็กลง กรอบหน้าคมชัดขึ้น และได้รูปหน้าที่เรียวขึ้น
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่เริ่มมีสัญญาณของความหย่อนคล้อย, มีร่องแก้ม หรือต้องการให้กรอบหน้าดูคมชัดและยกกระชับขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด

ร้อยไหมกับโบท็อกซ์ ผลลัพธ์อันไหนอยู่ได้นานกว่า
โดยทั่วไปแล้ว การร้อยไหมมีระยะเวลาคงอยู่ของผลลัพธ์นานกว่าโบท็อกซ์ ค่ะ
-
ร้อยไหม (Thread Lift): ผลลัพธ์โดยประมาณจะอยู่ได้ตั้งแต่ 6 เดือนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของเส้นไหมที่ใช้ (เช่น PDO, PCL, PLLA) และการดูแลตนเองหลังทำ รวมถึงสภาพผิวเดิมของแต่ละบุคคลด้วย ไหมจะสลายไปเองตามธรรมชาติ แต่จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผลลัพธ์ยังคงอยู่ได้แม้ไหมจะสลายไปแล้วบางส่วน
- ไหม PDO (Polydioxanone) มักจะอยู่ได้ประมาณ 4-12 เดือน
- ไหม PCL (Polycaprolactone) มักจะอยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน
- ไหม PLLA (Poly-L-Lactic Acid) อาจอยู่ได้นานถึง 18-24 เดือน
-
โบท็อกซ์ (Botox): ผลลัพธ์โดยประมาณจะอยู่ได้ประมาณ 3-8 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของโบท็อกซ์ ปริมาณที่ฉีด ตำแหน่งที่ฉีด (เช่น ลดริ้วรอยจะอยู่ได้สั้นกว่าลดกราม) และการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงการดูแลตัวเองหลังฉีด หากต้องการคงผลลัพธ์ไว้จะต้องกลับมาฉีดซ้ำเมื่อยาเริ่มหมดฤทธิ์
สรุป:
- ร้อยไหม ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่าในภาพรวม
- โบท็อกซ์ ต้องฉีดซ้ำบ่อยกว่าเพื่อคงผลลัพธ์
สรุป ร้อยไหม vs โบท็อกซ์
ารร้อยไหมและโบท็อกซ์เป็นสองทางเลือกยอดนิยมสำหรับการปรับรูปหน้า แต่มีวิธีการทำงานและจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน การจะเลือกวิธีไหนดีที่สุดสำหรับคุณขึ้นอยู่กับปัญหา สภาพผิว และรูปหน้าของคุณเป็นหลัก
ร้อยไหม (Thread Lift)
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ต้องการยกกระชับใบหน้าและกรอบหน้าให้คมชัดขึ้น
โบท็อกซ์ (Botox)
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อกรามใหญ่ ทำให้ใบหน้าดูเหลี่ยมหรือกว้าง ต้องการให้ใบหน้าเรียวลง
การทำงานร่วมกัน
ทั้งสองวิธีสามารถทำร่วมกันได้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น เช่น ร้อยไหมเพื่อยกกระชับแก้มที่หย่อนคล้อย และฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดขนาดกราม
Recent Comments