การร้อยไหม ข้อเสีย ผลข้างเคียงที่ควรรู้มีอะไรบ้าง และจะมีวิธีป้องกันอย่างไรให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี
การร้อยไหม (Thread Lifting) เป็นหัตถการยอดนิยมที่ช่วยยกกระชับผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความหย่อนคล้อยของผิว เพิ่มความเต่งตึง และสร้างความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้าโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน แม้การร้อยไหมจะเป็นหัตถการที่ค่อนข้างปลอดภัยเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็ยังมี ผลข้างเคียง ที่ผู้เข้ารับบริการควรทราบล่วงหน้าเพื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ
บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ ผลข้างเคียงที่พบบ่อย, ผลข้างเคียงที่อาจรุนแรง, และ วิธีป้องกัน เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยยิ่งขึ้น
ทำความเข้าใจการร้อยไหม
การร้อยไหมเป็นการใช้ไหมละลายทางการแพทย์ เช่น PDO (Polydioxanone), PLLA หรือ PCL ร้อยเข้าไปใต้ชั้นผิวเพื่อช่วยพยุงเนื้อเยื่อที่หย่อนคล้อย และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ โดยไหมจะค่อย ๆ ละลายภายใน 6–18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของไหมและสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย (ไม่อันตรายและสามารถหายได้เอง)
- บวมแดง และเจ็บบริเวณที่ร้อยไหม มักเกิดขึ้นภายใน 1–3 วันหลังทำ เป็นอาการปกติที่เกิดจากการที่เข็มแทงผ่านผิวและการฝังไหม ซึ่งอาจรู้สึกเจ็บตึงหรือมีรอยแดงได้ โดยมักหายได้เองภายใน 3–7 วัน
- รอยเข็มหรือรอยช้ำใต้ผิวหนัง (Bruising) เกิดจากเข็มไปโดนเส้นเลือดเล็กใต้ผิวหนัง ซึ่งเป็นอาการที่ไม่รุนแรง สีรอยช้ำจะค่อย ๆ เปลี่ยนและจางหายภายใน 7–14 วัน
- ผิวไม่เรียบหรือคลำเจอก้อนใต้ผิวหนัง บางครั้งไหมอาจพับตัว หรือยังไม่เข้าที่ดี ทำให้รู้สึกเป็นก้อนหรือผิวไม่เรียบ ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อไหมเข้าที่และร่างกายเริ่มสร้างคอลลาเจนใหม่
- อาการคันหรือระคายเคืองเล็กน้อย อาจเกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายต่อไหมละลาย หรือผิวแห้งหลังหัตถการ ซึ่งมักไม่รุนแรงและหายไปเอง
ผลข้างเคียงที่รุนแรง (พบไม่บ่อย แต่ควรรู้)
- ไหมทะลุผิวหนังหรือโผล่ออกมา เป็นกรณีที่ไหมถูกฝังตื้นเกินไป หรือมีแรงดึงมากเกินไป ทำให้ปลายไหมโผล่ออกมาเหนือผิว ต้องให้แพทย์ตัดไหมหรือดึงออกอย่างถูกวิธี
- การติดเชื้อ แม้จะพบไม่บ่อย แต่หากคลินิกหรือผู้ให้บริการไม่สะอาด หรือผู้เข้ารับบริการดูแลหลังทำไม่ดี อาจเกิดการติดเชื้อได้ เช่น บวมแดง ร้อน ปวดมาก หรือมีหนอง
- ไหมขาดหรือหลุดออก หากไหมไม่ได้คุณภาพ หรือมีแรงดึงมากเกิน อาจทำให้ไหมขาด หรือหลุดจากตำแหน่งเดิม ทำให้ผลลัพธ์ไม่สมบูรณ์
- เส้นประสาทถูกกระทบกระเทือน กรณีที่ร้อยไหมลึกเกินไป หรือไม่ตรงกับแนวโครงสร้างของกล้ามเนื้อ อาจก่อให้เกิดอาการชา หรือมีการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อผิดปกติ
- เกิดพังผืดใต้ผิวหนัง ในบางราย อาจเกิดพังผืดแข็ง ๆ ใต้ผิว ทำให้หน้าดูแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติ หรือรู้สึกตึงผิดปกติ ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะหาย หรือจำเป็นต้องเอาไหมออก

วิธีป้องกันผลข้างเคียงจากการร้อยไหม
การป้องกันผลข้างเคียงเริ่มต้นตั้งแต่ ก่อนการทำหัตถการ ไปจนถึง การดูแลหลังร้อยไหม ดังนี้:
เลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์
- ตรวจสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม
- ดูรีวิวจากผู้รับบริการจริง หรือเคสตัวอย่างก่อน–หลังการทำ
- หลีกเลี่ยงคลินิกที่เน้นราคาถูกอย่างเดียว เพราะอาจใช้ไหมไม่ได้มาตรฐาน
ใช้ไหมคุณภาพดี ได้รับการรับรอง
- ควรถามแพทย์หรือคลินิกว่าใช้ไหมประเภทใด ผ่าน อย. หรือไม่
- ไหมคุณภาพดีจะละลายได้อย่างเหมาะสม ไม่ก่อให้เกิดพังผืดแข็งหรือการระคายเคือง
เตรียมตัวก่อนการร้อยไหม
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการใช้ยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน อย่างน้อย 3–5 วันก่อนทำ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ร่างกายแข็งแรง
ดูแลหลังร้อยไหมอย่างถูกต้อง
- หลีกเลี่ยงการจับ บีบ กด หรือขัดผิวบริเวณที่ร้อยไหมในช่วง 1–2 สัปดาห์แรก
- งดออกกำลังกายหนัก หรือทำกิจกรรมที่ทำให้หน้าเคลื่อนไหวมาก เช่น เคี้ยวอาหารเหนียว พูดมาก ยิ้มกว้าง
- หลีกเลี่ยงความร้อนจัด เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ เป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- รับประทานยาตามแพทย์สั่ง และหมั่นสังเกตอาการผิดปกติ เช่น บวมแดงรุนแรง หรือปวดมากผิดปกติ
ติดตามผลกับแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
- ควรเข้ารับการตรวจติดตามผลหลังทำตามกำหนดเวลา เพื่อให้แน่ใจว่าไหมเข้าที่ดี ไม่มีภาวะแทรกซ้อน
สรุป การร้อยไหม ข้อเสีย และการป้องกันให้ได้ผลลัพธ์สูงสุด
การร้อยไหมเป็นหัตถการที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยเมื่ออยู่ในมือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็มี ความเสี่ยงของผลข้างเคียง ที่ต้องพิจารณา โดยเฉพาะหากทำโดยผู้ที่ไม่ผ่านการอบรม หรือใช้ไหมที่ไม่ได้มาตรฐาน
การศึกษาและเตรียมตัวให้พร้อม ทั้งก่อนและหลังการร้อยไหม คือหัวใจสำคัญของความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ หากคุณกำลังพิจารณาร้อยไหม ควรเริ่มจากการปรึกษาแพทย์ที่ไว้ใจได้ และเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน เพื่อความมั่นใจในทุกขั้นตอนของความงาม
Recent Comments