อยากหน้าเรียวเล็ก ฉีดฟิลเลอร์ Juvederm ตรงไหนถึงจะตรงจุด
Juvederm เป็นฟิลเลอร์ยอดนิยมที่ใช้ฉีดฟิลเลอร์กันอย่างแพร่หลายในระดับโลก เพราะช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเล็กสมส่วนมากขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เราจึงอยากพาทุกคนไปทำความรู้จักฟิลเลอร์ตัวดังตัวนี้ก่อนการตัดสินใจฉีดกันว่า Juvederm คือฟิลเลอร์อะไร เหมาะกับการฉีดตรงไหน และต่างจากฟิลเลอร์ตัวอื่น ๆ อย่างไร
อย่างที่เราทราบกันดีว่ากระแสการฉีดฟิลเลอร์ในยุคปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในฟิลเลอร์ที่แพทย์ผิวหนังทั่วโลกนิยมใช้กัน คือ ฟิลเลอร์ Juvederm (ผลิตมายาวนานกว่า 17 ปี) ซึ่งเป็นฟิลเลอร์ที่เหมาะสำหรับการฉีดเพื่อปรับรูปหน้าให้สมดุล ไม่ว่าเราจะมีรูปหน้าแบบไหนก็สามารถฉีดฟิลเลอร์ Juvederm เข้าไปปรับแก้ให้ดูสมส่วนขึ้นได้ แต่รู้ไหมว่าฟิลเลอร์ตัวนี้ไม่ได้ช่วยปรับรูปหน้าได้อย่างเดียว Juvederm ยังสามารถช่วยฟื้นฟูผิวของเราได้อีกมากมาย และเราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักฟิลเลอร์ตัวนี้ให้มากขึ้นกัน
ฟิลเลอร์ Juvederm คืออะไร ?
ก่อนไปดูคุณสมบัติของฟิลเลอร์ตัวนี้ เราอยากพามาทำความรู้จักฟิลเลอร์ในเบื้องต้นกันก่อน Juvederm เป็นฟิลเลอร์สัญชาติอเมริกา จัดอยู่ในกลุ่มสารเติมเต็มที่มีส่วนผสมหลักเป็นกรดไฮยาลูโรนิก (HA) มีจุดเด่นอยู่ตรงที่สามารถอุ้มน้ำได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง คงทนต่อการขยับ และการเคลื่อนไหวบนใบหน้าได้ดี หลังฉีดผิวเราจะดูอิ่มฟู นุ่มเด้ง ชุ่มฉ่ำอย่างเป็นธรรมชาติ แถมยังมีส่วนผสมของยาชา ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บปวด หรือมีอาการน้อย นอกจากนี้ Filler Juvederm ยังเป็นฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัยสูง เพราะได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศไทย (THFDA), สหรัฐอเมริกา (USFDA) และ EDQM เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ฟิลเลอร์ Juvederm มีทั้งหมดกี่รุ่น ?
ฟิลเลอร์จูวีเดิม มีทั้งหมด 7 รุ่น แบ่งรุ่นตามเทคโนโลยีในการผลิตออกเป็น 2 รูปแบบ ดังต่อไปนี้
- Hylacross Technology (เป็นฟิลเลอร์รุ่นเก่าของ Juvederm) เป็นเทคโนโลยีที่โดดเด่นเรื่องการพัฒนาเนื้อฟิลเลอร์ให้มีความเนียนละเอียด มีค่าอุ้มน้ำสูง ทนต่อแรงขยับได้ดีเพราะมีความยืดหยุ่นสูง ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นยาวนาน หลังฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วเราจะรู้สึกได้เลยว่าใบหน้านุ่ม เรียบเนียน แม้ในจุดที่ต้องขยับบ่อย ๆ ก็ยังดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับฉีดบริเวณร่องแก้ม และริมฝีปาก ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่นที่ใช้เทคโนโลยีนี้ในการพัฒนา คือ
- Juvederm Ultra XC เหมาะสำหรับแก้ร่องริ้วรอยลึกต่าง ๆ อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Ultra Plus XC รุ่นนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีร่องลึก มีรอยพับต่าง ๆ บนใบหน้า หรือผู้ที่ต้องการให้ปากอวบอิ่มเรียบเนียน อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Vycross Technology เทคโนโลยีใหม่นี้โดดเด่นเรื่องของการยกกระชับ เพราะพัฒนามาจากกลุ่ม Hylacross ที่มีโมเลกุลยึดเกาะหนาแน่น บวมน้ำ และอุ้มน้ำน้อย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการยกกระชับใบหน้าให้เต่งตึงอย่างเป็นธรรมชาติ ปรับรูปหน้าให้ดูเล็กเรียวดั่งใจ รุ่นที่ใช้เทคโนโลยีนี้ในการพัฒนา ได้แก่
- Juvederm Voluma ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง และฟูค่อนข้างมาก ยืดหยุ่นสูง ยึดเกาะได้ดี เหมาะสำหรับยกกระชับบริเวณแก้ม และกรอบหน้า อยู่ได้นาน 18 เดือน
- Juvederm Volift เป็นฟิลเลอร์เนื้อปานกลาง ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ยกกระชับผิวให้ดูอ่อนเยาว์ เหมาะสำหรับการฉีดเติมเต็มร่องที่ไม่ลึกมาก อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Vobella เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่มที่สุด มักเติมบริเวณใต้ตา ช่วยให้ใบหน้าอิ่มฟู และเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ ให้ใบหน้าดูอิ่มฟู ชุ่มชื้น หลังฉีดอยู่ได้นาน 12 เดือน
- Juvederm Volite เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียดอีกเช่นกัน เหมาะสำหรับการปรับคุณภาพผิวให้เนียนละเอียด ช่วยเติมริ้วรอยได้ อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
- Juvederm Volux เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็งที่มีความหนาแน่นสูง ทั้งยังยืดหยุ่นดี ปั้นขึ้นรูปได้ และคงรูปดีที่สุด เน้นฉีด Jawline เหมาะสำหรับการปรับรูปหน้า เติมเต็มบริเวณที่กระดูกยุบ ฉีดคาง หรือยกกระชับส่วนที่หย่อนคล้อย อยู่ได้นาน 18 เดือน
ถ้าอยากปรับรูปหน้า ต้องฉีดฟิลเลอร์ Juvederm รุ่นอะไร ฉีดตรงไหนบ้าง ?
สำหรับการฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปหน้า แนะนำให้ปรึกษากับแพทย์ก่อนทุกครั้งเพื่อให้แพทย์วินิจฉัยว่าโครงหน้าของเราเป็นแบบใด แพทย์จะวิเคราะห์รูปหน้าโดยรวมของเราทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นลักษณะทางกายวิภาค ตำแหน่งของอวัยวะต่าง ๆ ตำแหน่งของกระดูก ความหย่อนคล้อยของผิว รวมไปถึงไขมันส่วนเกิน หลังจากแพทย์วินิจฉัยเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะปรึกษากับคนไข้ว่าต้องการให้แก้ปัญหาจุดใด ควรฉีดเพิ่มหรือลดตรงไหน เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม และปลอดภัยเป็นขั้นตอนต่อไป
สำหรับรุ่นของฟิลเลอร์ที่เหมาะสำหรับยกกระชับใบหน้า หรือปรับรูปหน้า พิจารณารุ่นที่พัฒนาจากเทคโนโลยี Vycross Technology จะเหมาะสมมากกว่า เพราะฟิลเลอร์รุ่นนี้โดดเด่นเรื่องการยกกระชับ ในบางรุ่นสามารถปั้นขึ้นทรงได้ดี ทั้งยังเรียบเนียนดูเป็นธรรมชาติ มีความปลอดภัยสูง แต่ก่อนการตัดสินใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนจะดีที่สุด
การปรับรูปหน้าต้องฉีดตรงไหนบ้าง
อย่างที่เรากล่าวไป การฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า ไม่ใช่การฉีดเพียงจุดสองจุด แต่เป็นการฉีดทั่วทั้งใบหน้าเพื่อปรับองค์รวมของใบหน้าสมดุลกัน ตรงตามทฤษฎีสัดส่วนทองคำ (Face Golden Ratio) ซึ่งโครงหน้าแต่ละแบบ ย่อมมีรายละเอียดในการปรับสัดส่วนแตกต่างกันตามไปด้วย โดยคนรูปหน้าแต่ละแบบเหมาะสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ตามจุดต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- การฉีดฟิลเลอร์คาง เหมาะสำหรับคนที่มีใบหน้ากลม คางสั้น มีคาง 2 ชั้น หรือคางเบี้ยวไม่สมมาตร การฉีดฟิลเลอร์จะเป็นการปั้นทรงคางให้เข้ากับใบหน้า เพิ่มมิติ และช่วยให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นได้แบบไม่ต้องผ่าตัด
- การฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า เหมาะสำหรับคนหน้ากลม หรือหน้ารูปไข่ที่อยากให้กรอบหน้าดูชัดขึ้น ต้องการยกกระชับกรอบหน้า กรอบหน้าไม่ชัด ไม่มีสันกราม หรือมีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย หลังฉีดแล้วจะช่วยให้ใบหน้าเราเป็นทรง และเรียวสวยมากขึ้น ที่สำคัญถ่ายรูปออกมาสวย
- การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เหมาะสำหรับคนที่หน้าผากแบน ยุบ หรือมีริ้วรอย ให้กลับมาดูมนสวยมีมิติ และเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น
- การฉีดฟิลเลอร์ขมับ เป็นการฉีดฟิลเลอร์เพื่อให้ขมับดูเต็ม ช่วยยกหางตา แก้ปัญหาหางตาตก ลดขนาดโหนกแก้มให้ดูเล็กลง และใบหน้าตึงกระชับเข้ารูป เหมาะสำหรับคนที่มีใบหน้ารูปเพชร รูปเหลี่ยม หรือรูปหัวใจที่อยากให้ใบหน้าดูละมุนขึ้น
- การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะสำหรับคนทุกรูปหน้าที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำ คืนความสดใสสดชื่นให้กับใบหน้าของเรา ทำให้หน้าดูเด็กลง และสดใสมากยิ่งขึ้น
- การฉีดฟิลเลอร์แก้ม เป็นการฉีดฟิลเลอร์บริเวณแก้มเพื่อให้แก้มดูเต็มอิ่ม ดูอ่อนเยาว์ลง เหมาะสำหรับคนที่มีใบหน้ารูปเพชร หรือหน้ายาว ที่ผิวหน้าบริเวณแก้มหย่อนคล้อย
- การฉีดฟิลเลอร์จมูก เหมาะสำหรับคนที่อยากแก้ไขทรงจมูกให้สมดุลกับใบหน้า ให้จมูกดูมีสัน และพุ่งขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องผ่าตัด
- การฉีดฟิลเลอร์ปาก เพื่อเพิ่มวอลลุ่มให้กับปาก เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาริมฝีปากบาง ไม่เท่ากัน หรือมุมปากตก ให้กลับมาดูอวบอิ่ม ยกกระชับ ทั้งยังสามารถฉีดให้เป็นทรงที่ต้องการได้
- การฉีดฟิลเลอร์งานผิว เป็นการรักษาหลุมสิว, ปัญหาผิวแห้ง โดยการเติมฟิลเลอร์เข้าไปในผิวชั้นตื้น ทำให้สุขภาพผิวดีฉ่ำวาว
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์
- หากมีโรคประจำตัว หรือมียาที่กินประจำ ควรแจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้ง
- งดยาแอสไพริน NSAIDs เช่น Ibuprofen, Diclofenac, Ponstan รวมไปถึงวิตามินที่ส่งผลกระตุ้นการไหลเวียนเลือดต่าง ๆ
- งดสกินแคร์ชนิดผลัดเซลล์ผิวจำพวก Retinol, Retinoids และ Glycolic Acid ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ประมาณ 3 วัน
- งดการนวดหน้า หรือหัตถการเกี่ยวกับใบหน้าอย่างน้อย 3 วันก่อนการฉีด
- งดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง ก่อนฉีดฟิลเลอร์
- งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น การออกกำลังกายหนัก การคาร์ดิโอ การเข้าซาวน่า เป็นต้น
วิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด ไม่ควรแกะ เกา นวด หรือคลึงใด ๆ ทั้งสิ้น
- หลังฉีดฟิลเลอร์ ห้ามประคบทุกกรณี
- สามารถล้างหน้าได้ตามปกติ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารรสจัด และอาหารหมักดอง อย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังฉีด
คำถามที่พบบ่อย
- ฉีดฟิลเลอร์ Juvederm ร่วมกับฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นได้ไหม ?
คำตอบ ได้ แต่จำเป็นต้องเลือกฟิลเลอร์รุ่นที่เหมาะกับบริเวณที่ฉีดเท่านั้น
- ถ้าอยากฉีดฟิลเลอร์เพิ่ม ต้องรอให้ของเก่าสลายหมดก่อนไหม ?
คำตอบ ไม่จำเป็น เราสามารถเติมฟิลเลอร์ได้เรื่อย ๆ ตามความเหมาะสม แต่ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัย
- ฟิลเลอร์ Juvederm แตกต่างจากฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นอย่างไร ?
คำตอบ ฟิลเลอร์ Juvederm มีจุดเด่นที่สำคัญ คือ ได้ยาวนานมาก ถ้าเปรียบเทียบกับยี่ห้ออื่นๆ Juvederm จัดเป็นฟิลเลอร์คุณภาพสูงที่มีส่วนผสมของยาชา (Lidocaine) ทุกรุ่น จึงช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดขณะฉีดได้ นอกจากนี้ฟิลเลอร์ยังอุ้มน้ำได้ดี เติมเต็มริ้วรอยได้ดี ไม่เป็นก้อน ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ และมีฟิลเลอร์หลายรุ่นเหมาะสมกับแต่ละจุดบนใบหน้า ฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้จึงได้รับความนิยมจากแพทย์ทั่วโลก
Recent Comments