ไหมที่ใช้ในการร้อยไหมมีหลายชนิด โดยแบ่งตามลักษณะและวัสดุได้เป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่

1. ไหมเงี่ยง (Barbed Thread)
ไหมเงี่ยงคือไหมที่มีลักษณะเป็นเส้นตรง และมี “เงี่ยง” หรือ “ปุ่ม” เล็กๆ คล้ายเบ็ด ตลอดแนวไหม เงี่ยงเหล่านี้จะทำหน้าที่ยึดเกาะกับชั้นผิวหนัง (ส่วนใหญ่จะเป็นชั้น SMAS) เมื่อดึงไหมขึ้น ผิวก็จะถูกยกขึ้นตามแนวเส้นไหม

จุดเด่นของไหมเงี่ยง:

• ให้ผลลัพธ์ยกกระชับทันทีหลังทำ
• เหมาะกับการยกผิวบริเวณกรอบหน้า แก้มล่าง และเหนียง
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว

วัสดุที่นิยม: ส่วนใหญ่เป็นไหมละลาย เช่น PDO, PCL หรือ PLLA

เทรนด์ 2025: ไหมเงี่ยงรุ่นใหม่จะถูกพัฒนาให้มี “ทิศทางเงี่ยงสองทาง” หรือ “เงี่ยงไขว้” ซึ่งช่วยให้ยึดเกาะผิวได้แน่นขึ้น ลดการเคลื่อนตัวของไหม และให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานขึ้น (12-18 เดือน)

2. ไหมก้างปลา (Cog Thread)
ไหมก้างปลาเป็นรูปแบบหนึ่งของไหมเงี่ยง แต่เงี่ยงจะมีลักษณะเด่นกว่าคือคล้าย “ก้างปลา” ยื่นออกมาจากตัวไหม ทำให้การยึดเกาะกับเนื้อเยื่อใต้ผิวมีประสิทธิภาพสูงกว่าไหมเงี่ยงทั่วไป

จุดเด่นของไหมก้างปลา:

• ยึดแน่นมาก เหมาะกับเคสที่หย่อนคล้อยมาก
• สามารถใช้ได้ในบริเวณที่ต้องการ “ดึง” ผิวอย่างชัดเจน เช่น แก้มล่าง เหนียง กรอบหน้า
• ให้ผลลัพธ์ชัดเจนและนานกว่าไหมเงี่ยงธรรมดา

วัสดุ: นิยมใช้ไหม PDO หรือ PCL ซึ่งละลายได้ในร่างกาย

เทรนด์ 2025: ไหมก้างปลาที่ใช้ในปีนี้จะมี “ขนาดใหญ่ขึ้น” และ “เส้นหนา” แต่ยังคงความยืดหยุ่น ช่วยให้ยกผิวได้มากขึ้น และเหมาะกับกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป ที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงมาก

3.ไหมละลาย (Smooth Thread / Mono Thread)
ไหมละลายที่ไม่มีเงี่ยง หรือที่เรียกว่า “ไหมเรียบ” หรือ “ไหมโมโน” นิยมใช้ในกลุ่มที่ไม่ได้ต้องการการยกกระชับทันที แต่ต้องการ “ฟื้นฟูผิว” กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน เพื่อให้ผิวแน่นกระชับในระยะยาว

จุดเด่นของไหมละลาย (ไม่มีเงี่ยง):

• เหมาะกับผิวบาง จุดเล็ก เช่น ใต้ตา หน้าผาก ร่องแก้ม
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูอิ่มฟู เรียบเนียน
• ไม่ทำให้เกิดอาการบวมเขียวมาก

วัสดุ: นิยมใช้ PDO หรือ PLLA

เทรนด์ 2025: นิยมใช้ “ไหมละลายแบบเส้นเล็กพิเศษ (Nano Thread)” ซึ่งบางและละเอียดกว่าไหมทั่วไป ช่วยลดรอยเหี่ยวย่นเล็กๆ อย่างปลอดภัย โดยเฉพาะบริเวณใต้ตาและริมฝีปาก