ปัจจุบัน เทคโนโลยีด้านความงามได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งในเทรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องคือ การร้อยไหมคอลลาเจน ซึ่งเป็นนวัตกรรมช่วยกระชับผิว ลดเลือนริ้วรอย และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับการร้อยไหมคอลลาเจนอย่างละเอียด ตั้งแต่วิธีการทำ ข้อดี ข้อควรระวัง รวมถึงคำแนะนำหลังทำ เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
การร้อยไหมคอลลาเจน (Collagen Thread Lift) คือหัตถการเพื่อยกกระชับผิวด้วยไหมละลายที่มีคุณสมบัติพิเศษช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ เส้นไหมจะถูกสอดเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อพยุงเนื้อเยื่อ กระชับผิวที่หย่อนคล้อย และช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
ไหมที่ใช้ในการร้อยไหมคอลลาเจนมักทำจากวัสดุที่ปลอดภัย เช่น ไหม PDO (Polydioxanone), ไหม PCL (Polycaprolactone), และ ไหม PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ซึ่งสามารถละลายได้เองภายในร่างกายและกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ผลลัพธ์จึงดูเป็นธรรมชาติและคงอยู่ได้นาน
ประโยชน์ของการร้อยไหมคอลลาเจน
การร้อยไหมคอลลาเจนมีข้อดีหลายประการที่ทำให้ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องศัลยกรรม ดังนี้
- ยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด
- เป็นหัตถการที่ช่วยกระชับผิวหน้า แก้ปัญหาความหย่อนคล้อยได้โดยไม่ต้องพักฟื้นนาน
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ
- ไหมที่ร้อยเข้าไปจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ส่งผลให้ผิวแข็งแรงและเต่งตึงขึ้น
- ช่วยปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์
- สามารถใช้ปรับรูปหน้า เช่น ยกกระชับแก้ม ลดเหนียง หรือปรับกรอบหน้าให้ชัดเจนขึ้น
- ลดเลือนริ้วรอย
- เส้นไหมช่วยเติมเต็มร่องลึกและลดเลือนริ้วรอย ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและอิ่มฟูขึ้น
- เห็นผลลัพธ์เร็วและเป็นธรรมชาติ
- หลังทำสามารถสังเกตความเปลี่ยนแปลงได้ทันที และผลลัพธ์จะค่อยๆ ดีขึ้นในช่วง 1-3 เดือน
- ปลอดภัยและสลายได้เอง
- ไหมที่ใช้ร้อยจะสลายไปเองตามธรรมชาติ และไม่ก่อให้เกิดสารตกค้างในร่างกาย
ประเภทของไหมที่ใช้ร้อยไหมคอลลาเจน
การร้อยไหมคอลลาเจนมีไหมหลายชนิดที่ใช้กัน โดยแต่ละประเภทมีคุณสมบัติแตกต่างกัน ดังนี้
1.ไหม PDO (Polydioxanone)เป็นไหมละลายที่นิยมใช้มากที่สุดช่วยยกกระชับผิวและกระตุ้นคอลลาเจน
- อยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน
- ไหม PLLA (Poly-L-Lactic Acid)
- มีคุณสมบัติช่วยเติมเต็มร่องลึก กระตุ้นคอลลาเจนได้ดี
- ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน
- ไหม PCL (Polycaprolactone)
- เป็นไหมที่มีอายุการใช้งานนานที่สุด (18-24 เดือน)
- กระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างต่อเนื่อง และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ

กระบวนการร้อยไหมคอลลาเจน
- ปรึกษาแพทย์
- แพทย์จะประเมินสภาพผิวและเลือกประเภทของไหมที่เหมาะสม
- ทำความสะอาดผิวและฉีดยาชา
- เพื่อให้รู้สึกสบายและลดอาการเจ็บระหว่างทำ
- ร้อยไหมเข้าไปใต้ผิวหนัง
- ใช้เข็มขนาดเล็กสอดไหมเข้าไปในชั้นผิว เพื่อช่วยพยุงและกระชับเนื้อเยื่อ
- ปรับรูปหน้าและตรวจสอบผลลัพธ์
- แพทย์จะปรับตำแหน่งของไหมให้เหมาะสม และให้คำแนะนำหลังทำ
ข้อควรระวังและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
แม้ว่าการร้อยไหมคอลลาเจนจะเป็นหัตถการที่ปลอดภัย แต่ก็มีข้อควรระวังดังนี้
- อาจมี อาการบวม แดง หรือช้ำเล็กน้อย ในช่วงแรก แต่จะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์
- ควรเลือกรับบริการจากคลินิกที่มีมาตรฐาน และทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าแรงๆ หรือทำหัตถการอื่นๆ ในบริเวณที่ร้อยไหมเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดดื่มแอลกอฮอล์และหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดการอักเสบ เช่น อาหารหมักดอง หรือของทอด
การดูแลหลังร้อยไหมคอลลาเจน
เพื่อให้ผลลัพธ์ของการร้อยไหมคอลลาเจนอยู่ได้นานขึ้น ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้
- หลีกเลี่ยงการนอนตะแคงหรือกดใบหน้าแรงๆ ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก
- งดออกกำลังกายหนักๆ หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก
- หมั่นทาครีมบำรุงและครีมกันแดดเพื่อป้องกันการเสื่อมของคอลลาเจน
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น โปรตีน วิตามินซี และคอลลาเจนเสริม
สรุป
การร้อยไหมคอลลาเจนเป็นวิธีที่ช่วยยกกระชับผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องผ่าตัด แม้ว่าจะเป็นหัตถการที่ปลอดภัย แต่ก็ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และดูแลผิวให้ดีหลังทำเพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน
หากคุณกำลังมองหาวิธีดูแลผิวให้เต่งตึง กระชับ และดูอ่อนวัยขึ้น การร้อยไหมคอลลาเจนอาจเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ ลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกแนวทางที่เหมาะกับคุณที่สุด!
Recent Comments