แม้ว่าผลข้างเคียงส่วนใหญ่จะหายไปเอง แต่บางอาการเป็นสัญญาณเตือนของภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและจำเป็นต้องรีบพบแพทย์ทันที 

• สัญญาณของการติดเชื้อ: หากมีอาการบวมแดง ร้อน ปวด และมีหนองบริเวณที่ร้อยไหม อาจเกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งต้องรีบติดต่อแพทย์เพื่อหาสาเหตุและทำการรักษา.  
• ไหมทะลุหรือโผล่ออกมา: อาจเกิดขึ้นได้หากแพทย์ร้อยไหมผิดชั้นผิวหนัง หรือมีการดูแลหลังทำที่ไม่เหมาะสม.  
• อาการชา, ปากเบี้ยว, หรือหน้ากระตุก: นี่เป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงจากการร้อยไหมไปโดนเส้นประสาทบริเวณนั้น. หากอาการยังคงอยู่แม้ฤทธิ์ยาชาจะหมดไปแล้ว ควรรีบพบแพทย์โดยด่วนเพื่อประเมินอาการ.  

ผลข้างเคียงที่อันตรายเหล่านี้มักมีสาเหตุมาจากปัจจัยที่สามารถป้องกันได้ เช่น การทำหัตถการกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ , การใช้ไหมที่ไม่ได้มาตรฐาน , หรือการใช้อุปกรณ์ที่ไม่สะอาด. ดังนั้น ประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้.  

ความเสี่ยงเฉพาะเจาะจงของการร้อยไหมใต้ตา [H3]

การร้อยไหมใต้ตามีความเสี่ยงเฉพาะเจาะจงที่ผู้ที่สนใจควรทราบ

• ความเสี่ยงต่อการเกิดพังผืด (Fibrosis) เป็นก้อน: ข้อมูลจากแหล่งผู้เชี่ยวชาญหลายแห่งระบุตรงกันว่า การร้อยไหมในบริเวณใต้ตามีโอกาสที่จะเกิดพังผืดเป็นก้อนแข็งใต้ผิวหนังได้มากกว่าการทำในตำแหน่งอื่นบนใบหน้า. เนื่องจากผิวบริเวณใต้ตาเป็นผิวที่บอบบางและบางมาก การสอดเส้นไหมจำนวนหลายเส้นซ้อนทับกันอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาของเนื้อเยื่อจนเป็นพังผืดได้. สิ่งที่ควรพิจารณาอย่างยิ่งคือพังผืดที่เกิดขึ้นนี้เป็นเนื้อเยื่อที่แข็งตัวแล้วซึ่งไม่สามารถฉีดสลายได้เหมือนกับฟิลเลอร์ 
• ความเสี่ยงต่อการกระทบกระเทือนเนื้อเยื่อสำคัญ: การทำหัตถการบริเวณใกล้ดวงตาต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีเนื้อเยื่อและเส้นประสาทที่ละเอียดอ่อน. การร้อยไหมใต้ตาจึงมีความเสี่ยงที่จะกระทบกับเนื้อเยื่อสำคัญอื่น ๆ ได้หากทำโดยแพทย์ที่ขาดความชำนาญ 

ด้วยความเสี่ยงเหล่านี้ ทำให้การร้อยไหมใต้ตาไม่เป็นที่นิยมเท่าการร้อยไหมในตำแหน่งอื่น เช่น การยกหางตา หรือการปรับรูปหน้า. ผู้ที่สนใจจึงควรทำความเข้าใจความเสี่ยงนี้อย่างถ่องแท้ก่อนตัดสินใจ