ไหมก้างปลาคืออะไร?
ไหมก้างปลา หรือที่เรียกในทางการแพทย์ว่า ไหมเงี่ยง (barbed suture) คือ ไหมเย็บแผลชนิดพิเศษที่มีลักษณะเฉพาะตัว โดยมี “เงี่ยง” หรือ “หนาม” เล็ก ๆ เรียงตัวอยู่ตลอดแนวเส้นไหม ซึ่งเงี่ยงเหล่านี้เองที่ทำให้ไหมก้างปลามีคุณสมบัติที่แตกต่างจากไหมทั่วไป
ลักษณะของไหมก้างปลา
-
มีเงี่ยงคล้ายหนามปลา: นี่คือลักษณะเด่นที่สุดของไหมก้างปลา โดยเงี่ยงเหล่านี้จะทำหน้าที่คล้ายตะขอเล็ก ๆ ที่ช่วยยึดเกาะกับเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง
-
วัสดุที่ใช้: ส่วนใหญ่เป็นไหมละลายที่ทำจากวัสดุทางการแพทย์ เช่น PDO (Polydioxanone) หรือ PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ซึ่งมีความปลอดภัยและสามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ โดยไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย
-
เงี่ยงมีหลายทิศทาง: เงี่ยงบนเส้นไหมอาจมีเพียงทิศทางเดียวหรือสองทิศทาง ขึ้นอยู่กับชนิดและจุดประสงค์ของการใช้งาน
การนำไปใช้
เนื่องจากคุณสมบัติในการยึดเกาะเนื้อเยื่อได้ดี ทำให้ไหมก้างปลาถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์หลายด้าน โดยเฉพาะในวงการความงามและการศัลยกรรมตกแต่ง เช่น:
-
ร้อยไหมยกกระชับใบหน้า: เป็นการร้อยไหมเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อยกกระชับผิวหน้าที่หย่อนคล้อยให้เต่งตึงขึ้น
-
ปรับรูปหน้าให้เรียว V-Shape: ช่วยยกกระชับบริเวณแก้มและกราม ทำให้กรอบหน้าดูชัดเจนขึ้น
-
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน: เมื่อไหมสลายไป มันจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นและดูอ่อนเยาว์ขึ้น
ไหมก้างปลาดีไหม
ไหมก้างปลา หรือการร้อยไหมก้างปลา เป็นหัตถการยอดนิยมในวงการความงามที่ช่วยยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ซึ่งก็เหมือนกับหัตถการอื่น ๆ ที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจทำ
ข้อดีของไหมก้างปลา
-
เห็นผลทันทีหลังทำ: หนึ่งในจุดเด่นที่สำคัญที่สุดคือ สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังจากการร้อยไหม ใบหน้าจะดูยกกระชับขึ้น
-
ไม่ต้องพักฟื้นนาน: หลังทำอาจมีอาการบวมเล็กน้อย แต่โดยทั่วไปแล้วใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
-
ปลอดภัยสูง: ไหมที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นไหมละลายทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. ซึ่งจะค่อย ๆ สลายไปเองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย
-
ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน: ขณะที่ไหมสลายตัว จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นและดูอ่อนเยาว์ในระยะยาว
-
ไม่มีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่: เนื่องจากเป็นการร้อยไหมผ่านเข็ม จึงไม่มีรอยแผลกรีดขนาดใหญ่เหมือนการผ่าตัดดึงหน้า
ข้อเสียและข้อควรระวัง
-
ผลลัพธ์: ผลลัพธ์ของการร้อยไหมก้างปลาจะอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของไหม การดูแลตัวเอง และสภาพผิวของแต่ละบุคคล
-
อาจมีอาการบวมช้ำ: หลังทำอาจเกิดอาการบวมช้ำหรือรอยเขียวเล็กน้อยบริเวณที่ร้อยไหม โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบาง
-
ไม่เหมาะกับทุกคน: การร้อยไหมอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวหน้าหย่อนคล้อยมาก หรือมีไขมันสะสมบนใบหน้าเยอะ เนื่องจากเงี่ยงไหมอาจมีขนาดเล็กเกินไปที่จะยกกระชับได้ดี
-
ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: หากทำกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ อาจเกิดปัญหาแทรกซ้อนได้ เช่น ใบหน้าไม่สมมาตร หน้าเป็นคลื่น หรือไหมหลุดได้
โดยสรุปแล้ว ไหมก้างปลาเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน และเลือกทำกับคลินิกที่น่าเชื่อถือและมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ไหมก้างปลามีกี่ชนิด อะไรบ้าง
ไหมก้างปลา หรือไหมเงี่ยง (Barbed Thread) มีการแบ่งชนิดหลัก ๆ ตามวัสดุที่ใช้ผลิต ซึ่งแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติ ระยะเวลาในการคงอยู่ และความเหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกันไป ดังนี้
1. ไหม PDO (Polydioxanone)
-
ลักษณะและคุณสมบัติ: เป็นไหมละลายรุ่นแรก ๆ ที่นำมาใช้ในวงการความงาม มีความยืดหยุ่นปานกลาง นิ่ม และไม่เปราะหักง่าย เป็นวัสดุเดียวกับที่ใช้ในการเย็บแผลศัลยกรรมหัวใจ จึงมีความปลอดภัยสูง
-
ระยะเวลาการคงอยู่: โดยทั่วไปไหมจะละลายหมดภายใน 6-8 เดือน แต่ผลลัพธ์การยกกระชับอาจคงอยู่ได้นานถึง 12 เดือน เนื่องจากมีการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว
-
ความเหมาะสม: เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นร้อยไหมครั้งแรก หรือผู้ที่ต้องการยกกระชับในระดับไม่มากนัก
2. ไหม PLLA (Poly-L-Lactic Acid)
-
ลักษณะและคุณสมบัติ: เป็นไหมที่มีความแข็งแรงสูงและมีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีกว่าไหม PDO ทำให้เห็นผลลัพธ์การยกกระชับที่ชัดเจน
-
ระยะเวลาการคงอยู่: สามารถคงอยู่ในผิวได้นานกว่าไหม PDO คือประมาณ 12-18 เดือน
-
ความเหมาะสม: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานขึ้น แต่เนื่องจากไหมมีความแข็งและเปราะกว่า จึงต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ในการร้อยเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้คนไข้รู้สึกถึงเส้นไหม
3. ไหม PCL (Polycaprolactone)
-
ลักษณะและคุณสมบัติ: เป็นไหมรุ่นใหม่ล่าสุดที่ถูกพัฒนาขึ้นมา โดยผสมผสานข้อดีของไหม PCL และ PLLA เข้าด้วยกัน ทำให้ได้ไหมที่มีความยืดหยุ่นสูง ทนทานต่อการเคลื่อนไหว ไม่เปราะหรือขาดง่าย และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
ระยะเวลาการคงอยู่: เป็นไหมที่อยู่ได้นานที่สุดในบรรดาไหมละลายทั้งหมด คือประมาณ 18-24 เดือน
-
ความเหมาะสม: ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในปัจจุบันสำหรับการร้อยไหมก้างปลา เนื่องจากมีความยืดหยุ่นสูงและให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน
นอกจากนี้ ยังมีการเรียกชื่อไหมก้างปลาในลักษณะอื่น ๆ เพื่อการตลาด เช่น ไหมเงี่ยงกุหลาบ, ไหมจระเข้, ไหมทอร์นาโด หรือไหมมิ้นท์ (Mint Lift) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะหมายถึงไหมที่มีลักษณะเงี่ยงคล้ายหนาม เพื่อช่วยในการยึดเกาะกับเนื้อเยื่อ แต่จะมีความแตกต่างกันไปในเรื่องของทิศทางเงี่ยง รูปร่างของเงี่ยง หรือเทคนิคการร้อยไหม เพื่อให้เหมาะกับปัญหาผิวที่แตกต่างกันไป
ทั้งนี้การทำหัตถการต่างๆต้องศึกษาอย่างรอบคอบ การร้อยไหมควรมั่นใจว่าทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่อะกาลิโกคลินิค เรามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญชำนาญในการร้อยไหมมาอย่างยาวนาน รวมถึงรางวัลการันตีมากมาย ถ้าลูกค้าสนใจสามารถติดต่อเข้ามาปรึกษาคุณหมอได้เลยค่ะ
Recent Comments